เริ่มจากท่ายืดแขน เพียงประสานมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน หงายฝ่ามือขึ้นฟ้า ยืดแขนตั้งเหนือศีรษะ หลังตรง และเอียงลำตัวไปทางซ้าย ค้างไว้ 2 วินาที ก่อนสลับไปทางขวา ค้างไว้เช่นเดียวกัน ทำสลับไปมา 2 รอบ
ต่อด้วยท่าเอียงคอ ก้มศีรษะลง 2 วินาที แล้วเงยศีรษะขึ้นด้านบนอีก 2 วินาที ก่อนเอียงศีรษะไปทางซ้าย และทางขวา ค้างไว้ด้านละ 2 วินาที ทำสลับไปมา 2 รอบ
เปลี่ยนเป็นท่าหมุนไหล่ วางแขนเหยียดตรงข้างลำตัว ยกไหล่สองข้างขึ้น หมุนไปด้านหลัง ก่อนปล่อยลง ทำซ้ำในทิศทางตรงกันข้าม ทำสลับไปมา 2
ไม่รอช้าทำท่าเอียงข้าง เพียงห้อยแขนไว้ข้างลำตัว เอียงไหล่ และลำตัว ซ้าย-ขวา สลับกัน ทำสลับไปมา 2 รอบ
จากนั้นทำท่างอข้อเท้า ให้ยกขาข้างหนึ่งขึ้นจากพื้นแล้วเหยียดตรง เหยียดข้อเท้าให้ปลายเท้าชี้ออกไปข้างหน้า งอปลายเท้ากลับท่าเดิม แล้วเปลี่ยนข้าง ทำสลับไปมา 2
หันมาทำท่างอมือ ยกแขนข้างหนึ่งขึ้น แล้วเหยียดตรงไปด้านหน้า งอข้อมือขึ้นตั้งฉากกับท่อนแขน แล้วเหยียดลงเช่นเดิม เปลี่ยน ทำสลับไปมา 2 รอบ
สุดท้าย ผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา ด้วยการใช้ฝ่ามือปิดตา พร้อมกับหลับตาลง สูดหายใจเข้า-ออกลึก ๆ 8-10 ครั้ง เลื่อนฝ่ามือลง แล้วเปิดตา จากนั้นให้กระพริบตาถี่
วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552
เป็นสิว บอกอะไรได้มากกว่าที่คิด
สิวผุดขึ้นมาแต่ละเม็ด แต่ละเม็ด ก็ทำให้หนุ่มสาวหน้าใสที่ห่วงสวยห่วงหล่อแทบคลั่ง วิ่งหาวิธีกำจัดสิวออกไปจากใบหน้ากันให้วุ่นวาย แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่าเป็นสิวไม่ใช่แค่บอกว่าสุขภาพผิวหน้าเราไม่ดี แต่ยังบอกถึงสุขภาพทั่ว ๆ ไปอีกด้วย ที่สถาบัน Leonard Drake ได้คิดค้นวิธีการวิเคราะห์ผิวลงไปลึกลงไปอีก ด้วยการผสานความรู้ในการดูแลผิวหน้าแบบตะวันตกเข้ากับศาสตร์การอ่านใบหน้าแบบจีน ซึ่งสามารถบอกได้ว่าสิวที่ขึ้นตามตำแหน่งต่าง ๆ ของใบหน้าหรือร่างกาย บอกความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนในบ้าง ว่าแล้วก็ไปหยิบกระจกมาส่องหน้าดูซิว่า อวัยวะส่วนใดผิดปกติกันบ้าง โซนที่ > ตำแหน่งของสิว > อวัยวะที่เกี่ยวข้อง > สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ - หน้าผากด้านซ้าย > การย่อยอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ต่อมหมวกไต > มีความเครียดสูง ล้างหน้าไม่สะอาด เพราะทารองพื้นหรือแต่งคิ้วมากไป - หว่างคิ้ว > ตับ อาจมีปัญหาในการย่อยแลคโทส (ดื่มนมไม่ได้) > กินอาหารรสจัดหรือกินอาหารดึกเกินไป - หน้าผากด้านขวา > การย่อยอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ต่อมหมวกไต > มีความเครียดสูง ล้างหน้าไม่สะอาด เพราะทารองพื้นหรือแต่งคิ้วมากไป - ใบหูทั้ง 2 ข้าง > ไต ล้างแชมพูหรือสบู่ออกไม่หมด ใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไป > ดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์หรือกินเนื้อสัตว์มากเกินไป - แก้มทั้ง 2 ด้าน - แก้มส่วนบน > ไซนัสและปอด - แก้มส่วนล่าง > เหงือก และฟัน >สูบบุหรี่จัด หรือแพ้ควันบุหรี่ ภูมิแพ้ เป็นหวัดเรื้อรัง หรืออาจใช้บลัชออนและรองพื้นไม่เหมาะสม ถ้าเป็นริ้วรอยลึกบริเวณโหนกแก้มอาจบ่งบอกถึงปัญหาเรื่องปอดหรือการหายใจ ถ้ามีสิวแบบเป็น ๆ หายๆ ที่แก้มด้านล่างอาจมีปัญหาเรื่องเหงือกและฟัน หรือโทรศัพท์มือถือไม่สะอาด - รอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง > ไต > ปัญหาภูมิแพ้ เครื่องสำอางทีใช้อาจไม่เหมาะ หรือใส่แว่นตาที่เสียดสีมาก รอยคล้ำอาจเกิดจากการมีสารพิษตกค้างในร่างกายมาก หรือผักผ่อนน้อย เปลือกตาหากมีความระคายเคืองอาจมาจากการเป็นภูมิแพ้ หรือขาดสารอาหาร -จมูก และเหนือริมฝีปาก > หัวใจ และระบบสืบพันธุ์ หากมีผิวสีแดงเข้มที่จมูก > อาจบ่งบอกถึงโรคความดันโลหิตสูง การอุดตันหรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ บอกถึงผลกระทบจากฮอร์โมน เช่นกำลังมีประจำเดือน วัยทอง การใช้ยาคุมกำเนิด - ใต้ริมฝีปากด้านซ้าย และขวา > รังไข่ > อาจทำความสะอาดได้ไม่พอ หรือมาจากความสมดุลทางฮอร์โมน หากมีปัญหาการอุดตันช่วงใบหู อาจแสดงว่าฟันกรามมีปัญหา หรือว่าเพิ่งผ่าตัดฟันมา หรืออาจเกิดจากการมีรอบเดือน - ปลายคาง > กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก > อาจกินอาหารรสจัดเกินไปจนลำไส้มีปัญหาในการดูดซึม - ลำคอ และหน้าอก > ความเครียด
ชะลออายุด้วยอาหาร
เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น คงไม่มีใครสามารถหยุดยั้งความชราไว้ได้ แต่วิธีที่จะช่วยชะลออายุได้ก็คือ การเอาใจใส่ดูแลสุขภาพของตนเองให้ดีที่สุด สุขภาพที่ดีมาจากร่างกายที่แข็งแรง และจิตใจที่แจ่มใสเบิกบานองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้มีสุขภาพดี ตามที่ทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้ว คือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ฯลฯดังนั้นอาหารการกินจึงเป็นส่วนสำคัญ ที่จะกำหนดให้เราแก่ไปตามวัยที่ล่วงเลย หรือก่อนวัยอันสมควร ยิ่งเมื่อวิทยาการก้าวหน้า อาหารยิ่งถูกปรุงแต่งมากขึ้น จนแทบไม่เหลือคุณค่าของอาหารไว้ ปัจจุบันความคิดทางการแพทย์เก่า ๆ ที่ให้บริโภค เนื้อ นม ไข่ มาก ๆ จึงเริ่มเปลี่ยนไป และให้หันกลับมาสนใจอาหารธรรมชาติ ซึ่งเป็นพื้นฐานชีวิตของคนสมัยก่อนแทนหลัก 10 ประการของการบริโภคอาหารต่อไปนี้ จะช่วยให้ท่านชะลออายุไว้ได้1. กินคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ถูกดัดแปลง ขณะนี้อาหารเกือบทุกอย่างที่วางขายในท้องตลาด มักถูกดัดแปลงปรุงแต่งใหม่ เพื่อหลอกล่อผู้บริโภคว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่า แต่แท้จริงกลับเป็นผลเสียต่อร่างกาย คาร์โบไฮเดรตมักถูกดัดแปลง หรือแฝงในรูปต่าง ๆ เช่น ข้าวที่ถูกสีจนขาว น้ำตาลทรายขาว ขนมหวาน ลูกกวาด น้ำอัดลม ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ต้องพยายามหลีกเลี่ยง ควรบริโภคแต่คาร์โบไฮเดรตธรรมชาติที่ไม่ถูกดัดแปลง และมีคุณค่าสูง ได้แก่ ข้าวซ้อมมือ ผลไม้สด ถั่ว ผัก และเมล็ดพืช2.ต้องกินโปรตีนให้เหมาะสม โปรตีนมีอยู่ในเมล็ดพืช ผัก มันฝรั่ง ถั่ว นมพร่องไขมัน และอาหารทะเล บางคนเข้าใจผิดว่าเนื้อวัวมีโปรตีนสูง แท้จริงแล้วไม่ถูกต้องนัก การที่เนื้อวัวให้พลังงานสูง เพราะมีโปรตีนมาก แต่ร่างกายย่อมต้องการโปรตีนให้ได้สัดส่วนกับอาหารอื่น ถ้ากินมากเกินไป ร่างกายจะเปลี่ยนโปรตีนเป็นไขมันสะสมไว้ และไม่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานมาใช้ได้อีก3.ควรหลีกเลี่ยงไขมัน ยามเมื่ออายุมากขึ้นไขมันเป็นสิ่งที่พึงหลีกเลี่ยง เพราะก่อให้เกิดโรคหลายอย่าง นั่นคือ ควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ น้ำมัน เนย มายองเนส กรดไขมันที่จำเป็น ซึ่งเป็นกรดที่สำคัญที่สุดสำหรับร่างกายนั้น พบในเมล็ดพืชทุกชนิด ผลไม้เปลือกแข็ง และข้าว การเก็บรักษาอาหารประเภทนี้ต้องใส่ภาชนะปิด เพราะแสง ความร้อน และอากาศสามารถทำลายกรดไขมันที่จำเป็นได้
4.กินวิตามินที่ได้จากพืช และสัตว์ วิตามินธรรมชาติมีคุณภาพสูงกว่าวิตามินสังเคราะห์ ยิ่งถ้าเราถูกกระทบจากความเครียดมาก ร่างกายยิ่งต้องการวิตามิน และเกลือแร่ทดแทนมากกว่าคนปกติ5.ควรเน้นผัก และผลไม้สด อาหารในแต่ละวันควรเป็นผักสด และผลไม้ประมาณ 70% อีก 30% ควรเป็นอาหารประเภทอื่น ๆ เพราะจะเป็นการเพิ่มพลังตับสูงให้แก่ร่างกาย จะเห็นได้จากนักกีฬาชั้นนำระดับโลกต่างหันมาบำรุงร่างกายด้วยผัก และธัญพืชกันมากขึ้น6.หลีกเลี่ยงอาหารปรุงแต่ง ได้แก่ อาหารหวานจัด อาหารสำเร็จรูป อาหารที่มีสารเคมีเป็นส่วนผสม และโซเดียมซึ่งมีอยู่ในเกลือ ผงชูรส ผงฟู และสารผสมอาหารต่าง ๆ อาหารเหล่านี้ไม่มีคุณค่าแต่กลับมีโทษต่อร่างกาย7.ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะร่างกายเราประกอบด้วยน้ำ 60-70% แต่ละวันเราสูญเสียน้ำไป 6-8% ของจำนวนน้ำทั้งหมด น้ำจะเป็นตัวพาสารอาหารไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ควรดื่มน้ำสะอาดก่อนหรือหลังอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำย่อยทำงานเต็มที่ และเมื่อตื่นนอนในตอนเช้า ควรดื่มน้ำ 3-5 แก้ว งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ เนื่องจากน้ำอัดลม และน้ำเกลือแร่ไม่มีคุณค่าอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายกินอาหารแต่ละมื้อให้เหมาะสม ไม่ควรกินอาหารจนแน่นอึดอัด ควรกินแค่เกือบอิ่ม มื้อเช้าควรได้อาหารที่ให้พลัง เพราะต้องทำงานทั้งวัน มื้อกลางวันไม่ควรทานมากจนแน่นท้อง เพราะอาจทำให้ง่วงนอนในตอนบ่าย ส่วนมื้อเย็นควรเป็นอาหารที่เบาท้องเพราะใกล้เข้านอน ในขณะที่เรานอนหลับ ควรให้กระเพาะ และสำไส้ได้พักผ่อนบ้าง8.กินอาหารตามฤดูกาล และที่มีอยู่ในท้องถิ่น พืช ผัก ผลไม้ ตามฤดูกาลจะทำให้ร่างกายมีความสมดุลกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ดี อาหารที่ผิดฤดู หรือที่เข้ามาจากต่างประเทศ อาจเคลือบสารเคมีหรืออาบรังสีบางอย่างเอาไว้ ซึ่งทำให้ร่างกายไม่มีภูมิต้านทานได้ ในฤดูร้อน ควรลดอาหารหนัก และในฤดูหนาวควรกินอาหารที่ให้พลังงาน และความอบอุ่น หลายคนชอบกินอาหารฝรั่ง ซึ่งส่วนมากเป็นอาหารที่มีไขมันสูงเกินความต้องการของคนในประเทศ ซึ่งเป็นเมืองร้อน แต่เหมาะกับต่างประเทศที่เป็นเมืองหนาว9.กินให้เหมาะสมกับการใช้พลังงานในแต่ละวัน หากทำงานนั่งโต๊ะในออฟฟิศ ซึ่งมีเครื่องปรับอากาศทั้งวัน ไม่ควรรับประทานอาหารแต่ละมื้อมากเท่ากับกรรมกรที่ทำงานใช้แรงงานกลางแดดหลักการกินทั้ง 10 ประการนี้ ช่วยให้ท่านที่ปฏิบัติตาม ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายผนวกกับการดูแลเอาใจใส่ตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และปฏิบัติธรรมแล้วสุขภาพกาย และจิตใจของท่านจะแข็งแรง และดูอ่อนกว่าวัย ไม่ว่าอายุจะล่วงเลยไปเท่าไรก็ตาม
ข้อสรุปในเรื่องอาหาร และการปฏิบัติตนสำหรับผู้สูงอายุ- จัดอาหารที่ให้พลังงานลดลง เช่น ลดอาหารพวก ข้าว แป้ง น้ำตาล และไขมันลง- จัดหารอาหารที่เคี้ยวง่าย และย่อยง่าย โดยจัดหาอาหารให้มีลักษณะน่ารับประทาน และรสชาติถูกใจผู้สูงอายุ- จัดอาหารให้ครั้งละน้อย ๆ แต่จัดให้กินบ่อยขึ้น เช่น มีมื้อของว่าง- จัดอาหารให้กินตามเวลา และไม่ควรให้ท่านรอเมื่อหิว- ให้ดื่มน้ำมาก ๆ อาจเป็นน้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้สด ไม่ควรดื่มชา กาแฟแก่ ๆ เพราะจะทำให้ท้องผูก และนอนไม่หลับ- ไม่กินยาระบาย ยาลดกรด และยาอื่น ๆ โดยแพทย์มิได้สั่ง- ห้อง หรือที่อยู่อาศัย ควรมีการระบายลมที่ดี และอยู่ในที่ที่ไม่ร้อนจัด เมื่อหนาวก็มีผ้าห่ม และเสื้อกันหนาวให้อย่างเพียงพอ- ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ- รักษาสุขภาพจิตให้ดี ควรใช้เวลาในวันนี้ศึกษาพระธรรม และฝึกปฏิบัติเพื่อได้มีสติสัมปะชัญญะอยู่เสมอ
4.กินวิตามินที่ได้จากพืช และสัตว์ วิตามินธรรมชาติมีคุณภาพสูงกว่าวิตามินสังเคราะห์ ยิ่งถ้าเราถูกกระทบจากความเครียดมาก ร่างกายยิ่งต้องการวิตามิน และเกลือแร่ทดแทนมากกว่าคนปกติ5.ควรเน้นผัก และผลไม้สด อาหารในแต่ละวันควรเป็นผักสด และผลไม้ประมาณ 70% อีก 30% ควรเป็นอาหารประเภทอื่น ๆ เพราะจะเป็นการเพิ่มพลังตับสูงให้แก่ร่างกาย จะเห็นได้จากนักกีฬาชั้นนำระดับโลกต่างหันมาบำรุงร่างกายด้วยผัก และธัญพืชกันมากขึ้น6.หลีกเลี่ยงอาหารปรุงแต่ง ได้แก่ อาหารหวานจัด อาหารสำเร็จรูป อาหารที่มีสารเคมีเป็นส่วนผสม และโซเดียมซึ่งมีอยู่ในเกลือ ผงชูรส ผงฟู และสารผสมอาหารต่าง ๆ อาหารเหล่านี้ไม่มีคุณค่าแต่กลับมีโทษต่อร่างกาย7.ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะร่างกายเราประกอบด้วยน้ำ 60-70% แต่ละวันเราสูญเสียน้ำไป 6-8% ของจำนวนน้ำทั้งหมด น้ำจะเป็นตัวพาสารอาหารไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ควรดื่มน้ำสะอาดก่อนหรือหลังอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำย่อยทำงานเต็มที่ และเมื่อตื่นนอนในตอนเช้า ควรดื่มน้ำ 3-5 แก้ว งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ เนื่องจากน้ำอัดลม และน้ำเกลือแร่ไม่มีคุณค่าอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายกินอาหารแต่ละมื้อให้เหมาะสม ไม่ควรกินอาหารจนแน่นอึดอัด ควรกินแค่เกือบอิ่ม มื้อเช้าควรได้อาหารที่ให้พลัง เพราะต้องทำงานทั้งวัน มื้อกลางวันไม่ควรทานมากจนแน่นท้อง เพราะอาจทำให้ง่วงนอนในตอนบ่าย ส่วนมื้อเย็นควรเป็นอาหารที่เบาท้องเพราะใกล้เข้านอน ในขณะที่เรานอนหลับ ควรให้กระเพาะ และสำไส้ได้พักผ่อนบ้าง8.กินอาหารตามฤดูกาล และที่มีอยู่ในท้องถิ่น พืช ผัก ผลไม้ ตามฤดูกาลจะทำให้ร่างกายมีความสมดุลกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ดี อาหารที่ผิดฤดู หรือที่เข้ามาจากต่างประเทศ อาจเคลือบสารเคมีหรืออาบรังสีบางอย่างเอาไว้ ซึ่งทำให้ร่างกายไม่มีภูมิต้านทานได้ ในฤดูร้อน ควรลดอาหารหนัก และในฤดูหนาวควรกินอาหารที่ให้พลังงาน และความอบอุ่น หลายคนชอบกินอาหารฝรั่ง ซึ่งส่วนมากเป็นอาหารที่มีไขมันสูงเกินความต้องการของคนในประเทศ ซึ่งเป็นเมืองร้อน แต่เหมาะกับต่างประเทศที่เป็นเมืองหนาว9.กินให้เหมาะสมกับการใช้พลังงานในแต่ละวัน หากทำงานนั่งโต๊ะในออฟฟิศ ซึ่งมีเครื่องปรับอากาศทั้งวัน ไม่ควรรับประทานอาหารแต่ละมื้อมากเท่ากับกรรมกรที่ทำงานใช้แรงงานกลางแดดหลักการกินทั้ง 10 ประการนี้ ช่วยให้ท่านที่ปฏิบัติตาม ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายผนวกกับการดูแลเอาใจใส่ตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และปฏิบัติธรรมแล้วสุขภาพกาย และจิตใจของท่านจะแข็งแรง และดูอ่อนกว่าวัย ไม่ว่าอายุจะล่วงเลยไปเท่าไรก็ตาม
ข้อสรุปในเรื่องอาหาร และการปฏิบัติตนสำหรับผู้สูงอายุ- จัดอาหารที่ให้พลังงานลดลง เช่น ลดอาหารพวก ข้าว แป้ง น้ำตาล และไขมันลง- จัดหารอาหารที่เคี้ยวง่าย และย่อยง่าย โดยจัดหาอาหารให้มีลักษณะน่ารับประทาน และรสชาติถูกใจผู้สูงอายุ- จัดอาหารให้ครั้งละน้อย ๆ แต่จัดให้กินบ่อยขึ้น เช่น มีมื้อของว่าง- จัดอาหารให้กินตามเวลา และไม่ควรให้ท่านรอเมื่อหิว- ให้ดื่มน้ำมาก ๆ อาจเป็นน้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้สด ไม่ควรดื่มชา กาแฟแก่ ๆ เพราะจะทำให้ท้องผูก และนอนไม่หลับ- ไม่กินยาระบาย ยาลดกรด และยาอื่น ๆ โดยแพทย์มิได้สั่ง- ห้อง หรือที่อยู่อาศัย ควรมีการระบายลมที่ดี และอยู่ในที่ที่ไม่ร้อนจัด เมื่อหนาวก็มีผ้าห่ม และเสื้อกันหนาวให้อย่างเพียงพอ- ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ- รักษาสุขภาพจิตให้ดี ควรใช้เวลาในวันนี้ศึกษาพระธรรม และฝึกปฏิบัติเพื่อได้มีสติสัมปะชัญญะอยู่เสมอ
30 ทิปเล็กน้อย ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม คอมพิวเตอร์
1. ในขณะที่คุณกำลังจะ Restart เครื่องใหม่ ก่อนที่จะกดปุ่ม OK ให้คุณกด Shift ค้างไว้ จะทำให้คุณ Restart ได้เร็วขึ้น2. ในบาง Web Site หากคุณกด Ctrl ค้างไว้ และเลื่อน Scroll ที่ Mouse จะทำให้ตัวอักษรของ Web Site นั้นใหญ่ขึ้น3. หากกดปุ่ม Refresh หรือ F5 แล้วยังเป็นข้อมูลเดิม ลองกด Ctrl + F5 รับรองจะได้ข้อมูลที่ใหม่ล่าสุดแน่ๆ 4. คุณสามารถเปิดไฟล์ Tips.txt ขึ้นมาเพื่ออ่านเทคนิคต่างๆ ได้ ซึ่งไฟล์นี้จะอยู่ใน c:\windows ของคุณ5. ในระหว่างที่คุณกำหลังใช้งาน IE อยู่นั้น สามารถกดปุ่ม F4 เพื่อเป็นการเปิดดู URL List ในช่อง Address ได้เลย6. การกดปุ่ม Esc ระหว่างการใช้ IE จะทำให้ IE ของคุณนั้นหยุดโหลดได้ โดยที่ไม่ต้องกดปุ่ม Stop7. ระหว่างการใช้ IE สามารถกดปุ่ม Alt + D หรือ Ctrl + Tab เพื่อเข้า Address bar อย่างเร็วได้8. คุณสามารถเพิ่มความเร็วให้กับ Internet ได้โดยทำการถอดสายเครื่องโทรศัพท์ ที่มีการต่อพ่วงอยู่กับสายที่ใช้ต่อ Internet ออก9. คุณสามารถ ไปที่ Start -> Run และพิมพ์ว่า welcome กด Enter เพื่อเปิดหน้าต่างต้อนรับของ Windows ได้10. ที่ Notepad หรือ ICQ หากคุณลืมเปลี่ยน Mode ภาษา ให้กดปุ่ม Ctrl + Back Space เพื่อแก้คำที่พิมพ์ผิดไปแล้ว11. คุณสามารถ เปิด Folder Desktop อย่างรวดเร็ว โดย Start -> Run พิมพ์จุด (.) ลงไปแล้วกด Enter 12. ใน IE สามารถกด Space Bar เพื่อนเลื่อนหน้า Page ลงได้ ส่วนเลื่อนขึ้นคือ Shift + Space Bar13. ใน Windows คุณไม่สามารถ สร้าง Folder ที่ชื่อ "con" ได้14. ใน IE ที่ช่อง Address ปุ่ม Ctrl+Enter สามารถช่วยคุณในการพิมพ์ URL ได้เร็วยิ่งขึ้น15. การกด Ctrl ค้างเอาไว้ ตอนเวลา BOOT เครื่อง จะทำให้คุณไม่พลาด Startup Menu16. คุณสามารถปิดนาฬิกาที่ Taskbar ได้ โดยคลิกขวาที่ Task bar > Properties > เอาเครื่องหมาย Show Click ออก17. หากคุณกด F11 ใน Windows Explorer จะช่วยให้มีการทำงานที่สะดวกขึ้น18. ใน ICQ การส่ง Message หากคุณกด Ctrl+Enter จะสะดวก กว่าการ Click Mouse ที่ปุ่ม send19. คุณสามารถกด F2 เพื่อ ใช้ในการเปลี่ยนชื่อ Icon ต่างๆ ได้20. การกด F5 ใน NotePad จะเป็นการแทรก เวลา และวันที่ ปัจจุบัน21. การกด Windows + E จะเป็นเปิด Windows Explorer ขึ้นมา22. เปิด System Properties อย่างรวดเร็วคือการกด Window + Pause Break23. การย่อยทุกๆ หน้าต่างที่เปิดใช้งาน ให้ยุบไปให้หมด คือการกด Window + D ถ้าจะขยายคืนมาอีก ให้กดซ้ำ24. การเคาะวรรคในโปรแกรม Dreamweaver คือ Shift + Ctrl + Space Bar ส่วนการเว้นบรรทัดคือ Shift + Enter25. การลบไฟล์แบบ ไม่เก็บไว้ใน Recycle Bin คือการกด Shift + Delete26. การกด Shift ค้างไว้ เวลาใส่แผ่น CD-Rom จะเป็นการไม่ให้มันเปิด Autorun ของแผ่น CD-Rom นั้นขึ้นมา27. การ Restart เครื่องอย่างเร็ว คือไปที่ Start -> Shut Down... -> Restart จากนั้น ก่อนที่จะ OK ให้กด Shift ค้างเอาไว้28. ในระหว่างใช้ Browser คุณสามารถกดปุ่ม Space Bar เพื่อเลื่อนหน้าลง และ Shift + Space Bar เพื่อนเลื่อนหน้าขึ้นได้29. กด Shift + คลิก จะเป็นการเปิดหน้าต่างขึ้นมาใหม่ โดยไม่ต้อง back กลับ30. คุณสามารถ ไปที่ Start -> Run และพิมพ์ว่า hwinfo /ui กด Enter เพื่อดูรายงานต่างๆ ของ HardWare
5 วิธีถนอม Handy drive สุดรัก
ผมจะขอแนะนำวิธีการดูแลรักษาเจ้าอุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็กที่เรียกกันว่า Handy drive ของท่าน ครับ
Handy drive เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเก็บขอมูลได้หลาย 10 เท่าของ Floppy disk ดังนั้นการให้ความสำคัญในการดูแลรักษามักจัต้องให้ความสำคัญมากด้วยเช่นกันน่ะครับ ดังนั้นผมจะขอแนะนำวิธีการดูแลง่ายๆ แต่มีความสำคัญ ดังนี้ครับ 1. เก็บไว้ใกล้ตัว-ไม่ต้องกลัวหาย นับวัน Handy drive จะมีขนาดเล็กลง หายง่ายมาก (ถูกขโมยก็ง่ายด้วย) มีไม่น้อยที่มักจะหลงลืมไว้ตามที่ต่างๆ เวลาหยิบออกมาวาง หรือคนชอบคล้องไว้กับกุญแจ ซึ่งเป็นของที่ชอบทำหายอันดับต้นๆ วิธีน่าสนใจที่สุดคือ เลือกรุ่นที่มีสายคล้องคอไว้ แม้จะดูไม่สวยงามเท่าไร แต่มันลดโอกาสทำหาย และถูกขโมยได้เกือบ 100% อีกนิดนึง ควรเลือกรุ่นที่สายต่ออยู่กับHandy drive หลีกเลี่ยงการเลือกใช้รุ่นที่สายคล้องคอผูกกับฝาครอบนะครับไม่งั้นทันจะอยู่กับท่านแค่ฝาครอบครับ 2. ระวังไวรัส ต้องถือเป็นข้อควรระวังในการใช้งาน Handy drive อันดับต้นๆ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว Handy drive จะมีลักษณะการใช้งานเหมือนกับฟลอปปี้ดิสก์ ซึ่งนั่นหมายความว่า ไวรัสสามารถใช้ธัมบ์ไดรฟ์เป็นสื่อพาหะสำหรับการแพร่กระจายได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเวลาใช้งานธัมบ์ไดรฟ์ คุณควรแน่ใจก่อนว่า เป็นการถ่ายโอนเฉพาะไฟล์ข้อมูลเท่านั้น (ไม่ได้ติดไวรัสมาด้วย) ประเด็นที่สำคัญก็คือ ควรแน่ใจว่าคุณกำลังเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ที่รันซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ได้รับการอัพเดตสม่ำเสมอ และในกรณีที่คอมพ์ของคุณรันแอนตี้ไวรัส เวลาต่อกับ Handy drive ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสในเครื่องคอมพ์จะสแกน Handy drive ให้ด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่แน่ใจ Handy drive ที่รับมา ก็ไม่ควรเชื่อมต่อเข้ากับคอมพ์ของคุณเด็ดขาด 3. เข้ารหัสข้อมูล เพื่อรักษาความลับ ถ้าหาก Handy drive ของคุณหาย นั่นหมายความข้อมูลของคุณตกไปอยู่ในมือของผู้ที่พบมันด้วย และถ้าหากคนผู้นั้นบังเอิญเป็นคู่แข่งคุณโดยตรง อะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้น หากคุณใช้ธัมบ์ไดรฟ์เก็บข้อมูลสำคัญ การเข้ารัหสข้อมูลดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) จะทำให้ข้อมูลเปิดอ่านไม่รู้เรื่องจนกว่าจะได้รับพาสเวิร์ดที่ถูกต้อง ซึ่งควรเลือกเข้ารหัสที่ระดับ 128 บิต เพื่อความปลอดภัย Handy drive รุ่นใหม่ๆ จะมาพร้อมกับคุณสมบัติการเข้ารหัสข้อมูลมาด้วย แต่อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจนะครับว่า ซอฟต์แวร์ที่ให้มาไม่ใช่รุ่นทดลอง เพราะไม่เช่นนั้น คุณอาจจะต้องจ่ายตังค์ค่าซอฟต์แวร์ในภายหลัง 4. สำรองข้อมูลให้เป็นนิสัย ไม่ปฏิเสธครับว่า เวลา Handy drive หาย เราคงรู้สึกไม่ดีแน่นอน แม้ข้อมูลที่อยู่ในนั้นจะได้รับการปกป้องด้วยการเข้ารหัสไว้แล้วก็ตาม แหม...ก็มันต้องเสียเงินอีกแล้วน่ะสิ แต่มันคงรู้สึกเจ็บใจเป็นสองเท่า หากข้อมูลที่อยู่ในนั้นเราไม่เคยได้ทำแบคอัพสำรองเอาไว้เลย ดังนั้น วิธีที่สุดคือ แนะนำให้คุณสำรอง Handy drive ไว้สักสองสามก็อปปี้ เพราะนอกจากพวกมันจะหายง่ายแล้ว ยังเสียง่ายอีกด้วย เนื่องจากธัมบ์ไดรฟ์ส่วนใหญ่จะใช้กรอบเป็นพลาสติก ซึ่งแตกหักได้ง่าย 5. การถอดที่ถูกต้อง เป็นข้อที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการถอด Handy drive ออกจากเครื่องอย่างถูกต้อง เรื่องของเรื่องคือ ก่อนที่คุณจะดึง Handy drive ออกจากพอร์ตยูเอสบีบนคอมพิวเตอร์
- ให้คุณปิดโปรแกรมทุกตัวที่มีการเข้าถึงไฟล์ต่างๆบน Handy drive เสียก่อน
- จากนั้นคลิกไอคอน Safely Remove Hardware (ที่มีลูกศรสีเขียวปรากฎอยู่ในมุมล่างขวาบนทาสก์บาร์) แล้วคลิกเลือก Handy drive ที่ปรากฏอยู่ในรายการ
เมื่อคลิกเลือกยูเอสบีไดรฟ์ที่ต้องการเอาออกแล้ว (รูปบน) จะได้รับข้อความแจ้งขึ้นมาว่า “Safe To Remove Hardware” (รูปล่าง) แปลว่า สามารถดึงธัมบ์ไดรฟ์ออกจากระบบได้อย่างปลอดภัย การกถอด Handy drive จากเครื่องปุบปับโดยไม่มีการทำตามขั้นตอนนี้ Handy drive ของท่านอาจจะชำรุดได้น่ะครับ
Handy drive เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเก็บขอมูลได้หลาย 10 เท่าของ Floppy disk ดังนั้นการให้ความสำคัญในการดูแลรักษามักจัต้องให้ความสำคัญมากด้วยเช่นกันน่ะครับ ดังนั้นผมจะขอแนะนำวิธีการดูแลง่ายๆ แต่มีความสำคัญ ดังนี้ครับ 1. เก็บไว้ใกล้ตัว-ไม่ต้องกลัวหาย นับวัน Handy drive จะมีขนาดเล็กลง หายง่ายมาก (ถูกขโมยก็ง่ายด้วย) มีไม่น้อยที่มักจะหลงลืมไว้ตามที่ต่างๆ เวลาหยิบออกมาวาง หรือคนชอบคล้องไว้กับกุญแจ ซึ่งเป็นของที่ชอบทำหายอันดับต้นๆ วิธีน่าสนใจที่สุดคือ เลือกรุ่นที่มีสายคล้องคอไว้ แม้จะดูไม่สวยงามเท่าไร แต่มันลดโอกาสทำหาย และถูกขโมยได้เกือบ 100% อีกนิดนึง ควรเลือกรุ่นที่สายต่ออยู่กับHandy drive หลีกเลี่ยงการเลือกใช้รุ่นที่สายคล้องคอผูกกับฝาครอบนะครับไม่งั้นทันจะอยู่กับท่านแค่ฝาครอบครับ 2. ระวังไวรัส ต้องถือเป็นข้อควรระวังในการใช้งาน Handy drive อันดับต้นๆ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว Handy drive จะมีลักษณะการใช้งานเหมือนกับฟลอปปี้ดิสก์ ซึ่งนั่นหมายความว่า ไวรัสสามารถใช้ธัมบ์ไดรฟ์เป็นสื่อพาหะสำหรับการแพร่กระจายได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเวลาใช้งานธัมบ์ไดรฟ์ คุณควรแน่ใจก่อนว่า เป็นการถ่ายโอนเฉพาะไฟล์ข้อมูลเท่านั้น (ไม่ได้ติดไวรัสมาด้วย) ประเด็นที่สำคัญก็คือ ควรแน่ใจว่าคุณกำลังเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ที่รันซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ได้รับการอัพเดตสม่ำเสมอ และในกรณีที่คอมพ์ของคุณรันแอนตี้ไวรัส เวลาต่อกับ Handy drive ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสในเครื่องคอมพ์จะสแกน Handy drive ให้ด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่แน่ใจ Handy drive ที่รับมา ก็ไม่ควรเชื่อมต่อเข้ากับคอมพ์ของคุณเด็ดขาด 3. เข้ารหัสข้อมูล เพื่อรักษาความลับ ถ้าหาก Handy drive ของคุณหาย นั่นหมายความข้อมูลของคุณตกไปอยู่ในมือของผู้ที่พบมันด้วย และถ้าหากคนผู้นั้นบังเอิญเป็นคู่แข่งคุณโดยตรง อะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้น หากคุณใช้ธัมบ์ไดรฟ์เก็บข้อมูลสำคัญ การเข้ารัหสข้อมูลดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) จะทำให้ข้อมูลเปิดอ่านไม่รู้เรื่องจนกว่าจะได้รับพาสเวิร์ดที่ถูกต้อง ซึ่งควรเลือกเข้ารหัสที่ระดับ 128 บิต เพื่อความปลอดภัย Handy drive รุ่นใหม่ๆ จะมาพร้อมกับคุณสมบัติการเข้ารหัสข้อมูลมาด้วย แต่อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจนะครับว่า ซอฟต์แวร์ที่ให้มาไม่ใช่รุ่นทดลอง เพราะไม่เช่นนั้น คุณอาจจะต้องจ่ายตังค์ค่าซอฟต์แวร์ในภายหลัง 4. สำรองข้อมูลให้เป็นนิสัย ไม่ปฏิเสธครับว่า เวลา Handy drive หาย เราคงรู้สึกไม่ดีแน่นอน แม้ข้อมูลที่อยู่ในนั้นจะได้รับการปกป้องด้วยการเข้ารหัสไว้แล้วก็ตาม แหม...ก็มันต้องเสียเงินอีกแล้วน่ะสิ แต่มันคงรู้สึกเจ็บใจเป็นสองเท่า หากข้อมูลที่อยู่ในนั้นเราไม่เคยได้ทำแบคอัพสำรองเอาไว้เลย ดังนั้น วิธีที่สุดคือ แนะนำให้คุณสำรอง Handy drive ไว้สักสองสามก็อปปี้ เพราะนอกจากพวกมันจะหายง่ายแล้ว ยังเสียง่ายอีกด้วย เนื่องจากธัมบ์ไดรฟ์ส่วนใหญ่จะใช้กรอบเป็นพลาสติก ซึ่งแตกหักได้ง่าย 5. การถอดที่ถูกต้อง เป็นข้อที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการถอด Handy drive ออกจากเครื่องอย่างถูกต้อง เรื่องของเรื่องคือ ก่อนที่คุณจะดึง Handy drive ออกจากพอร์ตยูเอสบีบนคอมพิวเตอร์
- ให้คุณปิดโปรแกรมทุกตัวที่มีการเข้าถึงไฟล์ต่างๆบน Handy drive เสียก่อน
- จากนั้นคลิกไอคอน Safely Remove Hardware (ที่มีลูกศรสีเขียวปรากฎอยู่ในมุมล่างขวาบนทาสก์บาร์) แล้วคลิกเลือก Handy drive ที่ปรากฏอยู่ในรายการ
เมื่อคลิกเลือกยูเอสบีไดรฟ์ที่ต้องการเอาออกแล้ว (รูปบน) จะได้รับข้อความแจ้งขึ้นมาว่า “Safe To Remove Hardware” (รูปล่าง) แปลว่า สามารถดึงธัมบ์ไดรฟ์ออกจากระบบได้อย่างปลอดภัย การกถอด Handy drive จากเครื่องปุบปับโดยไม่มีการทำตามขั้นตอนนี้ Handy drive ของท่านอาจจะชำรุดได้น่ะครับ
อาหารบำรุงดวงตา
การไปหาหมอตรวจตาทุกปี คอยล้างแว่นและคอนแท็กต์เลนส์ให้สะอาด ไม่ใช่วิธีเดียวที่จะดูแลถนอมดวงตา อาหารก็จะมีส่วนช่วยได้ ศาสตราจารย์เอียน เกรียร์สัน แห่งภาควิชาจักษุวิทยา มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล บอกว่า สารอาหาร เช่น วิตามินซี น้ำมันโอเมกา-ทรี และโมเลกุลในพืชผัก เป็นอีกหนึ่งทางเลือก "ปัญหาดวงตา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน และจุดด่าง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ตาบอด มีผลมาจากสิ่งที่เรากิน การกินผัก-ผลไม้เพิ่มขึ้นจะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมากในอนาคต" ต่อไปนี้เป็นชนิดอาหารที่จะช่วยให้ดวงตามีสุขภาพดีและสายตาคมชัด ผักใบเขียว ผักโขม บร็อกโคลี กะหล่ำ เป็นแหล่งของสารให้เม็ดสี คือ ลูทีน กับซีแซนทีน ซึ่งเรตินาจะอาศัยเม็ดสีเหล่านี้ในการสร้างภาพที่คมชัด "ผลวิจัยบ่งบอกว่า โมเลกุลของพืชเหล่านี้ช่วยเสริมเม็ดสีในดวงตา ซึ่งจะร่อยหรอลงเมื่อคนเราได้รับแสงอย่างต่อเนื่อง" ศ.เกรียร์สันบอก งานวิจัยของสถาบันดวงตาแห่งชาติของสหรัฐพบว่า การมีเม็ดสีเพิ่มขึ้นช่วยป้องกันไม่ให้ตาบอดได้ กินมากแค่ไหน? พยายามกินผักใบเขียวให้ได้ 100 กรัม ทุกวันเว้นวัน อาจเป็นสลัดหรือผัดผักต่างๆ ไข่ นับแต่นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเซอร์เรย์สรุปว่า ไข่ไม่ได้เพิ่มคอเลสเตอรอล อาหารชนิดนี้ก็กลับมาอยู่ในรายการของกินบำรุงสุขภาพอีกครั้ง และเป็นอาหารที่มีประโยชน์แก่ดวงตาเช่นกัน เพราะในไข่แดงก็มีแหล่งของสารเม็ดสีในดวงตา คือ ลูทีนกับซีแซนทีน กินมากแค่ไหน? ไข่คน หรือไข่ลวก เป็นอาหารเช้าสัก 2 ฟอง ในทุกวันเว้นวัน หรือจะทำไข่เจียว หรือเอาไข่แดงมาทำน้ำมายองเนสใส่สลัดก็ได้ น้ำมันปลา สถาบันดวงตาแห่งชาติของสหรัฐวิจัยพบว่า การได้รับโอเมกา-ทรีในน้ำมันปลาเพิ่มขึ้น ช่วยลดโอกาสที่จะเป็นต้อหิน และจุดภาพชัดเสื่อมสภาพ และช่วยไม่ให้ดวงตาแห้ง ซึ่งเป็นผลจากการผ่าตัดดวงตาด้วยเลเซอร์ งานวิจัยชิ้นหนึ่งในวารสาร American Journal of Clinical Nutrition พบว่า เมื่อสตรีที่มีอาการดวงตาแห้ง กินเนื้อปลาทูนาสัปดาห์ละ 5 มื้อ อาการก็จะลดน้อยลง 68% กินมากแค่ไหน? สัปดาห์ละ 2-3 มื้อต่อคน จะช่วยบำรุงฮอร์โมน สมอง ผิวหนัง และช่วยบำรุงสายตา ผลไม้สด ผลวิจัยพบว่า วิตามินชนิดต่างๆ โดยเฉพาะวิตามินซี ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเกี่ยวกับดวงตาทั้งหลายได้ ศาสตราจารย์เกรียร์สันบอกว่า การกินผัก-ผลไม้ให้มากขึ้นจะเป็นผลดีต่อดวงตาอย่างแน่นอน กินมากแค่ไหน? กินผลไม้สดในตอนเช้า ผักต่างๆ เช่น บร็อกโคลี ก็มีประโยชน์มาก กินดิบๆ เป็นสลัดก็ได้ หรือนึ่งเล็กน้อยเพื่อให้ได้วิตามิน.
ประโยชน์ต่าง ๆ ของไหมขัดฟัน
ไหมขัดฟันนอกจากจะช่วยขจัดเศษอาหารออกจากฟันแล้ว ยังมีประโยชน์ด้านอื่นอีก วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาฝาก...
- ถ้ารูปภาพติดกัน ไม่ว่าจะติดกับอัลบั้มหรือติดกับภาพอื่น แยกมันออกด้วยการใช้ไหมขัดฟันค่อย ๆ แทรกเข้าไประหว่างรูปภาพ เริ่มจากด้านมุมและขยับไหมขัดฟันไปทีละน้อย จะช่วยให้รูปหลุดออกจากกันโดยไม่ทำให้ภาพเสียหาย
- ถ้าสร้อยคอเส้นสวยขาด ลองใช้ไหมขัดฟันร้อยสร้อยคอเส้นใหม่ขึ้นมา ความเหนียวและนุ่มของเส้นไหมจะช่วยให้ใช้สร้อยเส้นนั้นไปได้อีกนาน
- แขวนรูป สำหรับกรอบรูปแบบเบา ๆ (ไม่ใช่แบบที่มีกระจก) สามารถใช้ไหมขัดฟันแขวนรูปได้ - ถ้าไม่มียางรัดผมตอนล้างหน้า ตัดไหมขัดฟันมาสักเส้นหนึ่ง แล้วใช้รัดผมแทน เส้นไหมจะไม่ดึงรั้งเส้นผมจนขาดอีกด้วย
- ตัดเค้ก สามารถใช้ไหมขัดฟันแบบที่ไม่มีรสตัดขนมเค้กเนื้อนุ่มทั้งหลายแทนมีด นอกจากจะตัดได้ง่ายแล้ว ยังจะได้ชิ้นเค้กที่สวยได้รูป
รู้อย่างนี้แล้ว ลองนำไหมขัดฟันมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ กันดูได้.
- ถ้ารูปภาพติดกัน ไม่ว่าจะติดกับอัลบั้มหรือติดกับภาพอื่น แยกมันออกด้วยการใช้ไหมขัดฟันค่อย ๆ แทรกเข้าไประหว่างรูปภาพ เริ่มจากด้านมุมและขยับไหมขัดฟันไปทีละน้อย จะช่วยให้รูปหลุดออกจากกันโดยไม่ทำให้ภาพเสียหาย
- ถ้าสร้อยคอเส้นสวยขาด ลองใช้ไหมขัดฟันร้อยสร้อยคอเส้นใหม่ขึ้นมา ความเหนียวและนุ่มของเส้นไหมจะช่วยให้ใช้สร้อยเส้นนั้นไปได้อีกนาน
- แขวนรูป สำหรับกรอบรูปแบบเบา ๆ (ไม่ใช่แบบที่มีกระจก) สามารถใช้ไหมขัดฟันแขวนรูปได้ - ถ้าไม่มียางรัดผมตอนล้างหน้า ตัดไหมขัดฟันมาสักเส้นหนึ่ง แล้วใช้รัดผมแทน เส้นไหมจะไม่ดึงรั้งเส้นผมจนขาดอีกด้วย
- ตัดเค้ก สามารถใช้ไหมขัดฟันแบบที่ไม่มีรสตัดขนมเค้กเนื้อนุ่มทั้งหลายแทนมีด นอกจากจะตัดได้ง่ายแล้ว ยังจะได้ชิ้นเค้กที่สวยได้รูป
รู้อย่างนี้แล้ว ลองนำไหมขัดฟันมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ กันดูได้.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)